วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

“กษิต”พบกงสุลฯ ต่างประเทศที่ภูเก็ต รับทราบปัญหาการท่องเที่ยว


วันที่ 31ก.ค.53 ที่โรงแรมเมอร์ลิน บีช รีสอร์ท หาดป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้พบปะหารือกับกงสุลจีนกับอินโดนีเซียซึ่งประจำอยู่ที่ จ.สงขลา และกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำใน จ.ภูเก็ต เช่น เอสโตเนีย เยอรมนี อิตาลี เดนมาร์ก ออสเตรเลีย นอร์เวย์ เป็นต้น หลังจากนั้นได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ได้มีการแลกเปลี่ยนมุมมองในประเด็นปัญหาการส่งเสริมการท่องเที่ยว การประกอบธุรกิจในพื้นที่ จ.ภูเก็ตและภาคใต้ โดยได้มีการเสนอแนะให้มีช่องพิเศษในการบริการตรวจคนเข้าเมืองที่ท่าอากาศยานภูเก็ตสำหรับนักท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยกัน และให้เพิ่มเคาน์เตอร์ตรวจคนเข้าเมือง เนื่องจากในช่วงที่เที่ยวบินพร้อมกันเป็นจำนวนมากๆ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถดำเนินการได้ทันท่วงที เพราะบางครั้งจะมีสายการบินที่เดินทางมาไกลใช้เวลาประมาณ 10 ชั่วโมง และต้องมารอพิธีตรวจคนเข้าเมืองอีก 1-2 ชั่วโมงทำให้เสียความรู้สึก และการใช้ภาษาของเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองซึ่งยังขาดความคล่องตัว ทางผู้ที่เกี่ยวข้องในส่วนของภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจัดให้มีเจ้าหน้าที่ที่สามารถสื่อสารภาษาได้ดีมาอำนวยความสะดวกบริเวณจุดต้อนรับด้วย

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาในเรื่องของอัตราค่าโดยสารจากสนามบินภูเก็ตไปยังที่พัก และการเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ภายในจังหวัดภูเก็ต ไม่ว่าจะเป็นรถตุ๊กตุ๊ก รถแท็กซี่ หรือเรือท่องเที่ยว ซึ่งมีราคาสูง ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากค่าสัมปทานที่ท่าอากาศยานภูเก็ตสูง และค่าหัวคิวรถที่จอดตามคิวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรถจักรยานยนต์ รถตุ๊กตุ๊กหรือรถแท็กซี่ หรือจะด้วยกระบวนการใดก็ตามจึงทำให้ผู้ประกอบการรถโดยสารที่เสียค่าใช้จ่ายเป็นค่าโสหุ้ยสูงก็ต้องทำให้ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวโดยรวม เพราะมีการมาคิดค่าใช้จ่ายแพงกับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังมีการแบ่งโซนให้บริการของแต่ละชายหาด ทำให้สามารถส่งนักท่องเที่ยวได้แต่ไม่สามารถที่จะรับกลับได้ ซึ่งเหมือนจะมีกระบวนการมาเฟียหรือการแบ่งผลประโยชน์กันหรือไม่อย่างไรไม่อาจจะทราบได้ รวมทั้งมีการคิดอัตราค่าบริการรายหัวแทนที่จะคิดเป็นครอบครัว

นายกษิตกล่าวต่อว่า ทางกงสุลได้ให้ข้อมูลด้วยว่าจากความไม่สะดวกสบายหรือความไม่ปลอดภัยเนื่องจากถูกข่มขู่ดังกล่าวทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาแล้วไม่เดินทางกลับเข้ามาท่องเที่ยวอีกคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 20 %

นอกจากนี้ยังมีปัญหาความสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย เนื่องจากมีการทิ้งขยะในทะเลหรือตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องของการขยายเตาเผาขยะที่ยังสร้างเพิ่มเติมไม่แล้วเสร็จ การปรับปรุงสาธารณูปโภค เช่น ไฟฟ้า ประปา เป็นต้น ซึ่งมักจะทำไม่พร้อมกันสร้างความไม่สะดวกในการสัญจรไปมา นอกจากนี้เขายังอยากเห็นการทำถนนคนเดิน ซึ่งทราบว่าขณะนี้ได้มีการนำสายเคเบิ้ลลงดินแล้วที่ถนนถลางในเขตเมืองภูเก็ต ปัญหาความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยของป้ายโฆษณาที่ติดตั้งตามภูเขา ถนนหนทางต่างๆ หรือในสถานที่ที่ไม่เหมาะสม เช่น วัด มัสยิด เป็นต้น รวมถึงการสร้างตึกในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมโดยเฉพาะบนที่สูง ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของภูเก็ต และมีสถานที่ท่องเที่ยวเปรียบเทียบที่เห็นได้อย่างชัดเจน คือ บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย

นายกษิต กล่าวด้วยว่า ทางกงสุลยังได้บอกด้วยว่า ขณะนี้ตลาดการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นคอนโดมีเนียมหรือบ้านพักอาศัยของต่างชาติในภูเก็ตซบเซาเป็นอย่างมาก และฝากไปยังรัฐบาลให้ช่วยพิจารณาขยายระยะเวลาของการเช่าซื้อจาก 30 ปี เป็น 90 ปี ซึ่งในการดำเนินการนั้นก็จะต้องไปเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม ว่าเป็นอย่างไร รวมไปถึงการที่มีวีซ่าอนุญาตอยู่ได้ 1 ปี แต่ต้องรายงานทุก 3 เดือนทำให้เกิดความไม่สะดวก

นายกษิตกล่าวอีกว่า จะได้ประมวลปัญหาที่ได้รับทั้งหมดคุยพูดคุยหาแนวทางการแก้ไขร่วมกับทางจังหวัดภูเก็ต ผู้ปกครองท้องที่และสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว รวมทั้งจะได้นำไปเสนอต่อที่ประชุม กรอ.ซึ่งทางกระทรวงต่างประเทศนั่งเป็นกรรมการอยู่ด้วย เพื่อที่จะหาแนวทางในการแก้ปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว สร้างภาพลักษณ์ที่ดี เกิดความประทับใจ รวมทั้งการจ่ายใช้ที่สมเหตุสมผล

ขอบคุณ...ผู้จัดการ ออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นทั่วไป